เศรษฐีใจบุญแจกอั่งเปาคนจน

Millionaire

เศรษฐีใจบุญแจกอั่ง สำหรับเทศกาลตรุษจีนที่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันนี้ มีเพื่อนคนไหนได้รับเงินอั่งเปากันบ้างคะ  ส่วนเราไม่ได้โม้นะคะ บอกเลยปีนี้ลูกพี่ที่ทำงานแจกอั่งเปาให้คนละห้าร้อยบาท ตอนเค้ายื่นซองแดงมาก็แอบลุ้นในใจว่าจะใส่แบงค์ยี่สิบหรือแบงค์ร้อยมานะ พอเปิดซองมาผิดคาดมากๆไม่คิดไม่ฝันลูกพี่จะใส่แบงค์สีม่วงมาให้ ซึ่งวันนี้เรามีข่าวดีๆเกี่ยวกับการแจกอั่งเปามาเล่าให้ฟังกันคะ

  จากคลิปวีดีโอที่เผยแพร่ในเพจเฟซบุ๊ค “ ฅ .ข่าวอีสาน “ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์  ได้เล่าเรื่องราว ของเศรษฐีใจบุญชาวจังหวัดอุดรธานีคนหนึ่งกำลังนั่งแจกซองอั่งเปาสีแดงให้กับประชาชนที่ยืนเข้าคิวรอนับหมื่นคน นักข่าวในพื้นที่รายงานว่า เศรษฐีใจบุญที่ว่า นี้ ชื่อ เสี่ยตี๋ หรือ นายปรีชา ชัยรัตน์ เป็นเจ้าโรงงานน้ำตาล โรงแรม รวมทั้งตลาดชื่อดัง ที่อยู่ในจังหวัดอุดรธานี ได้แจกซองอั่งเปาแดงให้กับประชาชนที่ยากจน เนื่องในเทศกาลตรุษจีน โดยใส่ซองละ200 บาท เป็นจำนวนเงิน 2 ล้านบาท และยังเตรียมไว้สำรองเผื่อไม่พอไว้ในบ้านอีก 3 ล้าน ซึ่งแจกเป็นประจำทุกปีนานกว่า 30 ปีแล้ว

บรรยากาศที่เห็นภายในบ้าน มีการกางเต๊นท์และวางเก้าอี้ให้คนที่มารับแจกเงินนั่งรอประมาณ 6 พันคน คนที่มาถึงต้องมารับบัตรคิว แต่คนชรา คนพิการ และเด็กเล็ก จะมีช่องบัตรคิวพิเศษให้เพื่อไม่ต้องรอนาน ทุกคนต่างยืนรออย่างมีระเบียบ นอกจากนี้ยังมีซุ้มน้ำดื่มและโรตีแจกให้กินฟรีตลอดทั้งวันด้วย

นักข่าวไปสัมภาษณ์ คุณปรีชากับภรรยาว่าทำไมถึงได้แจกเงินให้กับคนจนมากมายขนาดนี้ท่านไม่เสียดายเงินบ้างเลยหรอ?? ท่านตอบกลับสื่อว่า ผมไม่เสียดายหรอก ผมจะแจกจนกว่าจะไม่มีใครมารับเงินผม ถ้าคุณคิดจะทำบุญก็อย่าไปคิดอะไรมาก ปีนี้ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดี คนก็ลำบาก  ผมมีแล้วผมก็อยากเผื่อแผ่ให้คนด้อยโอกาส  เงินที่ให้ไปมันในซองมันอาจจะดูน้อยนิด แต่สำหรับบางคนที่เค้าไม่มีมันอาจจะมีค่ามากมาย ก่อนจบสัมภาษณ์ท่านยังขอให้ทุกๆคนในประเทศไทยมีสุขภาพแข็งแรง และขอให้ทุกคนผ่านอุปสรรคที่จะเจอในวันข้างหน้าไปได้ด้วยดี 

เราอ่านข่าวของท่านจบแล้วรู้สึกได้ว่าท่านเป็นคนรวยที่ดีมากคนหนึ่ง ท่านมีเงินเหลือเฟือท่านก็ยังนึกถึงชาวบ้านจนๆยิ่งจากในคลิปวิดีโอได้เห็นขณะท่านแจกเงินชาวบ้านหน้าท่านยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลาทำให้สัมผัสได้ ว่าท่านเป็นคนดีที่ต้องการช่วยเหลือชาวบ้านจริงๆท่านไม่ได้ทำเอาหน้า ถ้าในประเทศไทยของเรามีคนรวยๆที่เป็นอย่างท่านเยอะๆก็คงจะดี แต่คนรวยส่วนใหญ่มักจะดูถูกและเอารัดเอาเปรียบคนจนอยู่เสมอ 

 

 

สนับสนุนโดย  Sexy Gaming

อาจารย์ราชภัฎดุสิตเมาแล้วขับรถพุ่งชนตำรวจสายตรวจ 

Drink-and-Drive

อาจารย์ราชภัฎดุสิต อาจารย์สอนที่ราชภัฎดุสิตกลับจากงานเลี้ยงแต่แล้วขับรถพุ่งชนรถของตำรวจสายตรวจทราบว่าอาจารย์คนหนึ่งกล่าวมีอาการเมาขณะขับรถเมื่อชนรถของตำรวจสายตรวจเสร็จเจอที่ขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์อาจารย์ราชภัฎสวนดุสิตไม่ยอมลงจากรถอ้างขอรอน้องก่อน

มีรายงานข่าวว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ซอยสุขสวัสดิ์ 47 จังหวัดสมุทรปราการซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดกับตัวตำรวจสายตรวจโดยมีผู้เห็นเหตุการณ์แจ้งว่าได้มีรถยนต์คันหนึ่งขับรถมาด้วยความเร็วและพุ่งชนท้ายรถจักรยานยนต์ของตำรวจสายตรวจสถานีตำรวจพระประแดงจนรถของตำรวจเสียหลักพุ่งลงข้างทางและทำให้มีผู้บาดเจ็บทั้งหมดสามคนโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจำนวนสองคนและเป็นประชาชนอายุ 70 ปี

อีกหนึ่งคนซึ่งประชาชนคนดังกล่าวเป็นแม่ค้าขายข้าวต้มอยู่ตรงจุดที่เกิดเหตุพอดีหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วได้มีการเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมายังที่เกิดเหตุซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงก็พบเห็นรถจักรยานยนต์ของตำรวจสายตรวจล้มอยู่ข้างทางและใกล้กันนั้นก็มีรถเก๋งสีบอลเทาจอดอยู่ตรงข้างถนนโดยมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ในรถกลับมาทราบว่าผู้ชายคนดังกล่าวเป็นถึงอาจารย์มหาวิทยาลัยสอนอยู่ที่ราชภัฎสวนดุสิตซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจจุดเกิดเหตุเสร็จเรียบร้อยแล้วทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามเรียกตัวชายคนที่นั่งอยู่ในรถเก่งให้ออกมาจากรถ

แต่ว่าชายคนหนึ่งกล่าวก็ไม่ยอมลงจากรถซึ่งถึงจะหน้าที่ตำรวจมองดูแล้วเห็นว่า ผู้ชายคนที่นั่งอยู่ในรถมีลักษณะคล้ายอาการเหมือนกับคนเมาเหล้าโดยบอกกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะยังไม่ยอมลงจากรถจะรอให้น้องสาวมาก่อนซึ่งเขาได้โทตามน้องสาวเรียบร้อยแล้วในระหว่างที่กำลังพูดเกลี้ยกล่อมให้ชายคนนั้นลงจากรถก็พอดีกับที่รถน้องสาวของเขาขับรถมาถึงพอดีและเมื่อบอกกับน้องสาวของผู้ก่อเหตุว่าจะพาผู้ก่อเหตุไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ถึงผู้ก่อเหตุก็พยายามที่จะขับรถเก๋งของน้องสาวหนีออกไป

จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนเกิดขึ้นโดยเหตุการณ์ดังกล่าวได้มีการถ่ายคลิปวิดีโอไว้จะเห็นว่าน้องสาวของอาจารย์ราชภัฎสวนดุสิตพยายามกันเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้นำตัวพี่ชายของตัวเองไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ดูในคลิปจะเห็นว่าน้องสาวของอาจารย์ราชภัฎสวนดุสิตใช้คำพูดหยาบคายด่าตำรวจแต่ในที่สุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้นำตัวอาจารย์ราชภัฎคนดังกล่าวไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์จนได้และพบค่าปริมาณแอลกอฮอล์สูงถึง 145 มิลลิกรัมซึ่งเกินจากที่กฎหมายกำหนด    

 

 

สนับสนุนโดย  สล็อตออนไลน์ Gclub