เจ้าของที่ขวางรถไม่ให้กู้ภัยเข้าไปช่วยคนจมน้ำ

   กู้ภัยได้รับแจ้งว่ามีคนจมน้ำ จึงได้เดินทางมาที่เกิดเหตุแต่เนื่องจากว่าจุดที่เกิดเหตุทางเข้ามีรถจอดขวางอยู่เต็มไปหมดทำให้เข้าไม่ได้ ทางด้านรถกู้ภัยจึงได้ขับรถอ้อมมาอีกด้านเพื่อที่จะเข้าไปยังจุดเกิดเหตุแต่เมื่อขับรถมาถึงทางเข้ากลับพบว่า มีชายคนหนึ่งขวางไม่ให้เข้า โดยทางกู้ภัยระบุว่าได้มีการลงไปพูดคุยแล้ว แต่ทางชายคนดังกล่าวก็ไม่อนุญาตให้เข้าไปทำให้เกิดมีอารมณ์โต้เถียงกันเกิดขึ้น

เพราะเจ้าของที่เองก็ไม่พอใจที่กู้ภัยพูดจากับตัวเองไม่ดี ในขณะที่กู้ภัยก็เอาแต่ต่อว่าเจ้าของที่อย่างเดียว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวมีการถ่ายคลิปเอาไว้ได้และมีการแชร์คลิปดังกล่าวลงไปในสื่อโซเชียล จนเป็นข่าวใหญ่โต ซึ่งเมื่อนักข่าวได้เข้าไปสอบถามชายเจ้าของที่ก็ได้รับคำตอบว่าตอนเองได้อยากจะขวางไม่ให้รถกู้ภัยเข้า แต่ทางกู้ภัยไม่มีมารยาทก่อนมาถึงก็จะขับรถฝ่าเข้าไปในที่ของตนเลยที่ที่เจ้าของที่ก็ยืนอยู่แค่เปิดกระจกของผ่านทางก็ไม่ยอมพูด

และเมื่อถามจะเข้าไปทำอะไรก็ไม่ยอมบอกแถมยังมาด่าและแช่งครอบครัวของเขาอีก ทำให้เขาไม่พอใจ และที่สำคัญเขาได้อนุญาตให้รถพยาบาลเข้าไปแล้วในตอนแรก และเท่าที่รู้มีรถกู้ภัยที่เดินทางมาถึงก่อนรถคันนี้แล้วตั้งหลายคันรวมถึงเข้าไปถึงตัวผู้บาดเจ็บไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งรถคันนี้เป็นชุดที่สองที่จะเข้าไป ดังนั้นหากมีมารยาทและบอกกล่าวกันดีดี ตนเองย่อมให้เข้าไปได้อยู่แล้ว

ในขณะที่ฝั่งทางกู้ภัยเองก็ออกมายอมรับว่า รถกู้ภัยของตนเองเป็นรถชุดที่สองที่เข้ามาในพื้นที่ แต่เพราะติดรถกู้ภัยชุดแรกจึงทำให้เข้าไปด้านในไม่ได้จึงได้หาทางมาเข้าตรงนี้และด้วยความรีบร้อนจึงได้จะรีบเข้าไปและเมื่อเจ้าของที่ไม่ยอมให้เข้าจึงได้มีเรื่องทะเลาะกันเกิดขึ้น ซึ่งตนเองยืนยันว่าการเข้าไปช่วยเหลือคนเจ็บนั้นทำไปด้วยใจ ไม่ได้มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง และอยากจะฝากบอกประชาชนทุกคนว่าควรจะให้ความร่วมมือให้กู้ภัยได้ทำงานอย่างเต็มที่

     หากเราดูตามข่าวที่เกิดขึ้น ก็ต้องบอกว่ากู้ภัยเองที่มารยาทแย่ก่อนจนเจ้าของที่ไม่ยอมให้เข้าเพราะจากในคลิปจะเห็นว่าชายคนดังกล่าวพูดจาดีด้วยตลอด มีแต่กู้ภัยเท่านั้น ที่ตะโกนโวยวาย และไม่ยอมแจงเหตุผลกับเจ้าของที่ว่าจะเข้าไปทำไมในที่ของเขา หากจะบอกว่าจะรีบไปช่วยคนเจ็บก็ไม่น่าจะใช่ เพราะตามข้อมูลแล้วคนเจ็บตายแล้วตั้งแต่รถพยาบาลชุดแรกเข้าไปถึงซึ่งกู้ภัยเองก็รู้และยังมีกู้ภัยอีกหลายคันที่ไปก่อนคันทีมีเรื่องราวกับชาวบ้านนี้อีก

 

ขอบคุณผู้ที่ให้การสนับสนุนโดย        ีดฟิำะ

หญิงสาวตะลึงเห็นชายแก่เลียราวสะพาน

         เมื่อวันที่ 10 เดือนเมษายนปีพศ 2563 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งเป็นผู้หญิงได้มีการโพสต์ภาพชายแก่คนหนึ่งที่สวมเพลงกางเกงตัวเดียวกำลังยืนเลียราวสะพานอยู่โดยใกล้ๆกันนั้นมีจักรยานยนต์ 2 ล้อจอดอยู่พร้อมกับมีป้ายติดเอาไว้ว่าเป็นผู้ป่วยติดไวรัสโควิด-19  เมื่อเธอเห็นดังนั้นเธอก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากจึงได้มีการถ่ายคลิปและถ่ายรูปภาพเอาไว้ซึ่งเหตุเกิดขึ้นเวลาประมาณ 16:00 นของวันเดียวกันนั้นเองตรงบริเวณใกล้กับสี่แยกยางเนิ้ง

โดยเธอได้มีการโพสต์บอกเล่าเรื่องราวว่าในวันเวลาดังกล่าวเธอกำลังเดินทางกลับจากการไปที่หมู่บ้านสารภีและในขณะที่ขับรถกำลังจะกลับบ้านแต่ว่ารถติดไฟแดงนั้นเธอก็เห็นชายแก่คนนึงขี่จักรยานพ่วงข้างเข้ามาจอดตรงบริเวณที่เกิดเหตุหลังจากนั้นลงจากรถจักรยานได้ใช้แก่คนดังกล่าวก็ทำการเรียนเราสะพานทันทีซึ่งไม่เคยเห็นเธอก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากแล้วเมื่อสายตาไปเห็นตรงรถจักรยานพ่วงข้างยาวมีการติดป้ายเอาไว้ว่าชายแก่คนดังกล่าวติดเชื้อไวรัสโควิด-19

เธอก็ยิ่งตกใจมากเธอก็ใหญ่เลยเธอยังระบุอีกว่านอกจากจะเลียเราสะพานแล้วชายแก่คนดังกล่าวยังเลียแขนมือตัวเองอีกด้วยซึ่งหลังจากที่เขาเรียกเราสะพานเสร็จแล้วก็ขี่จักรยานยนต์ต่อไปโดยเธอไม่รู้ว่าเขาจะไปไหนแต่ชายแก่คนดังกล่าวมาจอดจักรยานยนต์ใกล้ๆกับรถของเธอทำให้เธอรู้สึกกลัวเป็นอย่างมากอีกทั้งเธอยังบอกใน Facebook อีกว่าเธอแค่ต้องการโพสต์เตือนภัยให้กับคนที่อยู่ในบริเวณนั้นทราบว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวไม่ปลอดภัยเพราะมีคนมาเลียน้ำลาย

ทิ้งเอาไว้เกรงว่าหากใครไม่รู้แล้วไปจับจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ โดยเธอบอกว่าก่อนที่เธอจะมาโพสต์เรื่องราวบน Facebook ส่วนตัวของเธอนี้เธอได้มีการโทรประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขแล้วแต่ไม่สามารถติดต่อได้จึงได้ทำการเตือนภัยให้กับคนที่มีที่อยู่อาศัยอยู่บริเวณนั้นให้ทราบหลังจากที่ข่าวนี้ได้มีการเผยแพร่ออกไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ลงตรวจสอบพื้นที่

ซึ่งคนในละแวกดังกล่าวได้มีการแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าใช้คนดังกล่าวนั้นเป็นคนในพื้นที่ที่อาศัยอยู่มานานหลายสิบปีแล้วแต่ชายแก่คนนั้นเป็นคนจิตไม่ปกติซึ่งมักจะเดินทางไปเก็บเศษผักเพื่อเอาไปให้เป็ดให้ไก่ที่เลี้ยงไว้กินเป็นประจำโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองจะได้มีการควบคุมตัวชายคนดังกล่าวไปตรวจสอบอาการว่ามีความผิดปกติจริงหรือไม่และยังได้ประสานงานให้กับกระทรวงสาธารณสุขน้ำยาฆ่าเชื้อมาฉีดพ่นในบริเวณดังกล่าวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อไป 

 

ขอขอบคุณ      ีดฟิำะ   ที่ให้การสนับสนุน