จังหวัดภูเก็ตอ่วมหนัก หมอกว่า 100คนถูกกักตัว

จังหวัดภูเก็ตอ่วมหนัก หมอกว่า 100คนถูกกักตัวเพราะคนไข้ปิดบังข้อมูลโควิด-19

Phuket

    จังหวัดภูเก็ต กำลังประสบปัญหานายแพทย์จำนวนกว่า 100 คนต้องกักตัวเองเป็นระยะเวลา 14 วันเพราะเพิ่งรู้ว่าผู้ป่วยที่มารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19และปัจจุบันเสียชีวิตแล้วโดยที่ก่อนหน้านี้ได้เข้ามารักษากับนายแพทย์โดยที่ไม่ยอมบอกข้อมูลว่าตนเองเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19มาก่อนทำให้นายแพทย์และพยาบาลทั้งโรงพยาบาลจำเป็นต้องกักตัวเองเป็นระยะเวลา 14 วัน 

   เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เนื่องจากมีผู้ป่วยรายหนึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวฮังการีเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลด้วยอาการรถล้ม ในระหว่างที่มีการนำตัวมารักษาที่โรงพยาบาลนั้นทางผู้ป่วยชาวฮังการีไม่ได้แจ้งอาการกับทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลว่าตนเองมีประวัติเป็นบุคคลที่อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงในการแพร่เชื้อโควิด-19  ซึ่งหลังจากที่ผู้ป่วยเข้ามารับการรักษาก็มีเพื่อนๆเดินทางมาเยี่ยมและหนึ่งในเพื่อนที่เดินทางมาเยี่ยมนั้นเดินทางมาจากหาดป่าตองตรงซอยบางลา 

ซึ่งที่นี่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19เป็นจำนวนมากดังนั้นเมื่อคุณหมอทราบเรื่องจึงได้มีการสอบถามผู้ป่วยและพบว่าผู้ป่วยเป็นคนในพื้นที่ของซอยบางลาโดยอาศัยอยู่ที่ซอยนั้นประมาณ 2 อาทิตย์ด้วยกันและก่อนที่จะมาอยู่ที่ประเทศไทยก็เพิ่งเดินทางมาจากประเทศมาเลเซียด้วยเมื่อคุณหมอได้ทราบเรื่องราวก็ได้นำตัวชายชาวฮังการีไปทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19ซึ่งผลปรากฏออกมาพบว่าชายคนดังกล่าวติดเชื้อไวรัสโควิด-19และหลังจากทราบผลได้ไม่นานใช้คนดังกล่าวก็เสียชีวิตลงในวันที่ 3 เดือนมีนาคมปีพศ 2563 

ซึ่งหลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขประจำจังหวัดภูเก็ตทราบเรื่องต่างก็พากันวิตกกังวลถึงคุณหมอและพยาบาลที่มีการเข้ามาดูแลรักษาผู้ป่วยรายดังกล่าวจึงได้มีการประชุมปรึกษาหารือกันว่าจะต้องมีการกักตัวเจ้าหน้าที่ที่น่าจะมีความเสี่ยงในการที่จะติดเชื้อโควิด-19กับผู้ป่วยรายดังกล่าวซึ่งพบว่ามีทั้งสิ้น 112 คนด้วยกันโดยในจำนวน 112 คนนี้มีแค่เพียง 8 คนเท่านั้นที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดส่วนที่เหลือพบว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่จะมีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19จับผู้ป่วยดังนั้นจึงต้องมีการกักตัวคุณหมอทั้งสิ้น 104 คนเป็นระยะเวลา 14 วันเพื่อรอดูอาการซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้โรงพยาบาลต้องสูญเสียบุคลากรที่จะต้องมาดูแลผู้ป่วยมากถึง 112 คน

ทำให้คุณหมอและพยาบาลต่างก็พากัน ออกมาโวยวายถึงผู้ป่วยที่ไม่ยอมบอกว่าตนเองเป็นบุคคลในกลุ่มเสี่ยงที่อาจจะแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19ทำให้คุณหมอและพยาบาลต่างพากันเดือดร้อนซึ่งนอกจากจะต้องมีการกักตัวหมอและพยาบาลร้อยกว่าคนนี้แล้วยังต้องเฝ้าระวังไปถึงบุคคลในครอบครัวของหมอและพยาบาลอีกด้วยดังนั้นจึงฝากประชาสัมพันธ์ผู้ป่วยทุกคนที่จะไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลว่าให้เปิดเผยข้อมูลอย่าปิดบังข้อมูลเด็ดขาดเพราะส่งผลกระทบถึงอีกหลายคนเป็นจำนวนมาก 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย   เล่นบาคาร่าออนไลน์ฟรี

2สิ่งที่ก่อให้เกิดเชื้อโควิด

2สิ่งที่ได้เกิดมาจากการทฤษฏีสมคบคิดจากไวรัสโควิด19ที่ได้เกิดขึ้นมา

COVID

อินเตอร์เน็ต5G

เชื้อโควิด  WUHANเป็นหนึ่งเมืองแรกๆของจีนที่ได้รับอินเตอร์เน็ต5Gและมันก็เป็นเมืองเดียวกันกับที่ไวรัสโควิด-19ปรากฏตัวครั้งแรกสิ่งนี้เป็นเรื่องที่บังเอิญหรือไม่แต่ยูทูปเปอร์อย่างDana Ashlieเธอก็ยังได้บอกอีกว่ามันไม่ใช่เรื่องที่มันบังเอิญอย่างแน่นอนDana Ashlieยังเชื่ออีกว่าไวรัสโควิด-19ได้เกิดมาจากคลื่นรังสีที่ได้ถูกปล่อยออกมาจากคลื่นอินเตอร์เน็ต5Gโดยเธอนั้นยังได้อ้างว่าได้มีรายงานการวิจัยที่มีอายุกว่า2ศตวรรษซึ่งได้เปิดเผยว่า5Gนั้นได้เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์โดยDana Ashlieยังได้กล่าวอีกว่าไวรัสโควิด-19คือพิษที่เกิดจากรังสี

ซึ่งเธอได้บอกว่ามันจะทำให้ระบบภูมคุ้มกันอ่อนแอร์ลงและจะทำให้คนอ่อนแอต่อโลกเพราะว่าผู้คนส่วนใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยกับเธอได้บอกว่าDana Ashlieเป็นนักทฤษฏีสมคบคิดคนหนึ่ง ซึ่งพวกเขาได้บอกว่ารายงานวิจัยในปี2,000ที่เธอได้หยิบยกมานั้นมันไม่ได้มีความน่าเชื่อถือและจากการศึกษาในปี2005ก็ได้พิสูจน์ว่า5Gไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์อีกทั้งพวกเขายังชี้ให้เห็นถึงความจริงที่ว่าWUHANเป็นเพียงหนึ่งใน16เมืองของจีนที่ได้รับอินเตอร์เน็ต5Gในเวลาเดียวกัน

รัฐบาลจีน

นักทฤษฏีสมคบคิดบางคนเชื่อว่าจีนได้สร้างไวรัสโควิด2019ขึ้นมาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมอาวุธชีวภาพโดยพวกเขาบอกว่าไวรัสนั้นได้เกิดการรั่วไหลออกมาจากห้องปฏิบัติการณ์และได้ทำให้เกิดการแพร่ระบาดหห้องปฏิบัติการณ์ที่ทำการสร้างไวรัสโควิด19คือห้องปฏิบัติการณ์ความปลอดภัยทางชีวภาพแห่งชาติมันเป็นห้องปฏิบัติการที่มีทางรัฐบาลจีนเป็นเจ้าของซึ่งเป็นสถานที่ที่ทำผลของการวิจัยที่เกี่ยวกับไวรัสรายแรงได้อีกทั้งห้องปฏิบัติการณ์ดังกล่าวก็เป็นส่วนหนึ่งของสถาบันไวรัสวิทยา อู่ฮั่น ซึ่งได้ตั้งอยู่ในอู่ฮั่นเมื่องเอกของมณฑลหูเป่ยของจีนและดังที่เรานั้นรู้กันดี อู่ฮั่น คือเมืองแรกที่เกิดการระบายของโควิด19ทฤษฏีสมคบคิดนี้ได้เกิดขึ้นจากของแถลงการของประธานาธิบดี สีจิ้นผิง

หลังจากที่เกิดการระบาดของไวรัสเขาได้กล่าวว่าความปลอดภัยของห้องปฏิบัติการถือเป็นปัญหาระดับชาติ ซึ่งในวันต่อมากระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีนก็ได้มีการออกคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการปลอดภัยภายในห้องปฏิบัติการณ์เพื่อป้องกันการรั่วไหลของไวรัสอีกทั้งนักทฤษฏีสมคบคิดยังได้บอกอีกว่าได้เคยมีไวรัสที่รั่วไหลออกมาจากห้องปฏิบัติการณ์ของจีน ซึ่งได้เป็นไวรัสที่ร้ายแรงที่จะทำให้เกิดอาการทางเดินหายใจอย่างเฉียบพลันอย่างรุนแรงหรือว่าโรคสาดที่ได้มีการรั่วไหลออกมาประมาณจำนวนถึง2ครั้ง

 

โค้งอันตราย ที่สะพานพระราม 4 กู้ภัยบอกตายปีละศพ 

สะพานพระราม4 เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ชาวบ้านในบริเวณสะพานพระราม 4 ต้องตื่นตระหนกตกใจกันเป็นอย่างมากเมื่อมีร่างลอยละลิ่วของชายคนหนึ่งร่วงลงมาสู่พื้นซึ่งจากการตรวจสอบในพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยที่ลงไปในพื้นที่ดังกล่าวพบว่าชายดังกล่าวเป็นพลทหารซึ่งขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาเส้นทางพระราม 4 แล้วมาด้วยความเร็วเป็นส่งผลให้ขับรถหลุดโค้งและล่างได้ร่วงลงมาใต้สะพานจึงทำให้ถึงแก่ความตายเหตุการณ์ในครั้งนี้

เกิดขึ้นที่จังหวัดนนทบุรีตรงบริเวณสะพานพระราม 4 ซึ่งผู้ที่เสียชีวิตนั้นเป็นพลทหารชื่อว่า กฤษนัย อายุประมาณ 22 ปี โดยคนที่เห็นเหตุการณ์ครั้งแรกคือนายทักษิณในซึ่งมีอาชีพขับรถวินมอเตอร์ไซค์อยู่ตรงบริเวณนั้นเขาเล่าว่าเมื่อประมาณตอน 22:00 นเขากำลังนั่งอยู่ที่วินก็รอผู้โดยสารมาใช้บริการแต่อยู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงดังโครมคราม

ซึ่งเสียงนั้นมาจากทางด้านบนสะพานพระราม 4 และเมื่อเขามองขึ้นไปด้านบนก็เห็นร่างของคนกำลังลอยแล้วลื่นตกลงมาโดยลักษณะของการตกเป็นการตกโดยหน้าคว่ำลงมาเมื่อวินมอเตอร์ไซค์คนดังกล่าววิ่งไปดูก็พบว่าชายคนดังกล่าวได้เสียชีวิตแล้วซึ่งเขาได้ทำการโทรแจ้งกู้ภัยให้เข้ามา ในพื้นที่เกิดเหตุพร้อมทั้งประสานงานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เดินทางมาที่เกิดเหตุด้วย  ทางวินมอเตอร์ไซค์ได้บอกกับทางผู้สื่อข่าวว่าภาพที่ตนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นไม่ได้รู้สึกตกใจอะไรเพราะบริเวณนี้มักจะพบปัญหาคนประสบอุบัติเหตุบ่อยเนื่องจากว่าเป็นลักษณะของทางโค้งซึ่งถ้าหากใครไม่คุ้นชินกับทางแล้วขับรถมาเร็วๆ

อาจจะขับรถหลุดโค้งได้และอีกอย่างหนึ่งทางวินมอเตอร์ไซค์เองก็เคยทำงานกู้ภัยมาก่อนจึงไม่ได้กลัวที่จะเห็นศพหรือเหตุการณ์อุบัติเหตุต่างๆ สำหรับของตรงนี้ทางผู้ขายได้บอกว่ามักจะประสบอุบัติเหตุเป็นประจำหากคนที่ขับรถมาขับรถด้วยความเร็วเนื่องจากว่าตรงนี้เป็นโค้งโดยคนที่ประสบอุบัติเหตุส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่ไม่คุ้นชินกับการขับรถมาเส้นทางนี้

ดังนั้นส่วนใหญ่ก็ตามมาด้วยความเร็วแล้วไม่ทันระวังจะเจอโค้งก็เลยทำให้ประสบอุบัติเหตุและส่วนใหญ่ก็มักจะตกลงสะพานซึ่งการกู้ภัยเองมองว่านี่ไม่ได้เกิดจากตัวตายตัวแทนได้อย่างไรและมักเกิดจากความประมาทของตัวมนุษย์เองที่ขับรถมาด้วยความเร็วและไม่ทันระมัดระวังอย่างไรก็ดีการกู้ภัยและประชาชนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็ออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับถนนตรงพระรามสี่นี้ได้มีการมาแก้ไขสะพานตรงพระราม 4 ไม่มีการทำที่กั้นทางเผื่อว่าในครั้งต่อไปมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นผู้ที่ขับขี่รถและมาประสบอุบัติเหตุจะได้ไม่กระเด็นตกสะพานจนถึงแก่ความตาย

พบชายเสื้อดำ เอาน้ำลายป้ายภายในลิฟต์ของ รถไฟฟ้า BTS

    ชายเสื้อดำเอาน้ำลายป้าย มีผู้ใช้เฟสบุ๊กรายหนึ่งได้มีการเผยแพร่คลิปวีดิโอ เกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่แต่งกายด้วยเสื้อกล้ามสีดำ และสวมใส่กางเกงสีแดง เดินเข้ามาภายในลิฟต์ของ สถานีรถไฟฟ้าแห่งหนึ่งและนำมือล้วงเอาน้ำลายมาป้ายภายในบริเวณลิฟต์ ไม่ว่าจะเป็นปุ่มกด  และตามประตูและผนังของลิฟต์ ซึ่งหลังจากที่มีกาารเผยแพร่คลิปนี้ออกไป ชาวโชเซียลก็ได้ตามหาข้อมูลนี้ว่าเหตุเกิดที่ไหน ซึ่งพบว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่ประเทศไทยของเรานี่เองและสถานที่ที่อยู่ในคลิปดังกล่าวก็คือสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีสนามกีฬาแห่งชาติเดินทางบริษัทรถไฟฟ้า BTS ได้ออกมาเผยข้อมูลให้ทราบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 เดือนมีนาคมปีพศ 2563 นี้เอง

โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 05:23 นาทีซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของสถานีรถไฟฟ้าได้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่ามีชายชาวไทยคนหนึ่งเดินเข้าไปในลิฟท์ดังกล่าวและเมื่ออยู่ในลิฟท์ก็ไม่ได้มีการนำน้ำลายมาป้ายตามผนังลิฟท์ประตูและปุ่มกดของลิฟท์เหมือนกับจะเป็นการต้องการแพร่เชื้อไวรัสโคโรน่าให้กับคนอื่นซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ของสถานีรถไฟฟ้า BTS เห็นภาพในลิฟท์ที่ถ่ายจากกล้องวงจรปิดก็ได้เดินมาหาชายคนดังกล่าวเพื่อทำการสอบถามถึงสาเหตุที่กระทำการในครั้งนี้เมื่อใช้คนดังกล่าวเห็นทางเจ้าหน้าที่เดินเข้าไปใกล้ก็วิ่งหนีโดยใช้คนดังกล่าววิ่งหนีไปทางถนนพระรามหนึ่ง  เจ้าหน้าที่ของรถไฟฟ้า BTS จึงได้ประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำการให้ติดตามจับกุมตัวชายคนดังกล่าวเนื่องจากว่าเป็นการกระทำที่สร้างผลกระทบให้กับประชาชนคนไทยที่มาใช้บริการที่สถานีรถไฟฟ้า

    จากเหตุการณ์นี้เองทางบริษัทรถไฟฟ้า BTS ได้มีการออกมาประชาสัมพันธ์ผ่านทาง facebook ส่วนตัวของทางสถานีโดยมีการแจ้งข้อมูลให้กับผู้โดยสารที่มาใช้บริการของรถไฟฟ้า BTS ว่าให้มั่นใจในความปลอดภัยว่าสถานีมีการควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อโรคและมีการป้องกันอย่างแน่นหนาโดยทางสถานีเองได้มีการนำน้ำยาฆ่าเชื้อมาฉีดพ่นตามจุดต่างๆทั่วบริเวณทั้งสถานีทุกๆ 1 ชั่วโมงรวมถึงมีการนำเจลล้างมือมาไว้ให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการรถไฟฟ้า BTS ใช้ในการล้างมือทั้งขาเข้าและขาออกดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าหากมาใช้บริการที่สถานีรถไฟฟ้า BTS ผู้โดยสารจะปลอดภัยแน่นอนขบวนรถไฟเองก็มีการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทุก 1 ชั่วโมงเช่นเดียวกัน 

     สมชายคนที่มีการนำน้ำลายไปป้ายในสถานีรถไฟฟ้า BTS นั้นปัจจุบันยังไม่ทราบว่าเป็นใครแต่มีภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งเห็นหน้าอย่างชัดเจนซึ่งทางเจ้าหน้าที่รถไฟฟ้า BTS ได้นำภาพดังกล่าวไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานงานตามตัวมาลงโทษแล้วคงต้องดูว่าชายคนดังกล่าวที่ทำไปเนื่องจากสาเหตุอะไรเป็นคนจิตใจไม่ปกติหรือว่าตั้งใจที่จะกระทำเพราะถ้าหากป่วยก็จะต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาแต่ถ้าหากเป็นการตั้งใจทำก็จะต้องรับโทษตามกฎหมายต่อไป 

BTS-Skytrain

 

ชาวบ้านหนีตายจ้าละหวั่น

Villagers

คนร้ายค้ายารัวปืนใส่ตำรวจใกล้ห้างบิ๊กซีที่จังหวัดบุรีรัมย์ ชาวบ้านหนีตายจ้าละหวั่น

      ชาวบ้านหนีตาย ได้มีรายงานด่วนเข้ามาว่าขณะนี้ที่จังหวัดบุรีรัมย์มีคนร้ายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้ทำการยิงปะทะกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เดินทางมาจากกรุงแถวบริเวณใกล้ๆกลับห้างบิ๊กซีทำให้ประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต้องหนีตายกันจ้าละหวั่นเพราะหวาดกลัวว่าจะโดนลูกหลงไปด้วย

     ตามรายงานข่าวสำนักข่าวไม่ว่าจะเป็นสื่อออนไลน์หรือตามสื่อทีวีต่างๆมีรายงานเข้ามาว่าเมื่อวันที่ 17 เดือนมีนาคมปีพศ 2563 มีเหตุยิงกันเกิดขึ้นระหว่างคนร้ายที่รักลอบขนยาเสพติดกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยิงปะทะกันช่วงเวลาประมาณ 17:00 นโดยการมีการยิงไล่ล่ากันตรงบริเวณห้างบิ๊กซีของจังหวัดบุรีรัมย์ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีประชากรจังหวัดบุรีรัมย์เป็นจำนวนมากที่พากันเดินทางมาจับจ่ายซื้อของที่ห้างบิ๊กซีแห่งนี้และในขณะเกิดเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและคนร้ายค้ายาเสพติดทำการยิงด่วนกันนั้นชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็วิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่นก็กลัวว่าจะถูกกระสุนปืนไม่ว่าจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือว่าจากทางคนร้ายก็ตามซึ่งล่าสุดสำนักงานข่าวได้รายงานเข้ามาว่าเหตุการณ์ยิงกันดังกล่าวได้สิ้นสุดลงแล้วและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถยิงคนร้ายได้จนถึงแก่ความตาย

     โดยรายละเอียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากว่าคนร้ายได้ลักลอบมาส่งของที่บริเวณห้างบิ๊กซีจังหวัดบุรีรัมย์แต่ละวันที่กำลังส่งของกันนั้นบังเอิญว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านมาเห็นเข้าพอดีคนร้ายตกใจจึงวิ่งหนีออกมาซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็วิ่งตามเพื่อจับกุมคนร้ายแต่ระหว่างนั้นเองคนร้ายก็ได้มีการยิงปืนใส่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เกิดปะทะกันเกิดขึ้นแล้วเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงคนร้ายจนถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาซึ่งจากการสำรวจพื้นที่แล้วไม่มีประชาชนได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใดมีเพียงคนร้ายเท่านั้นที่เสียชีวิต

      จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทำให้เรารู้สึกได้ว่าการเดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าไม่ใช่เรื่องที่ปลอดภัยอีกต่อไปเพราะหลายครั้งในรอบตั้งแต่ต้นปีที่ผ่าน หรือว่ามักจะมีเหตุการณ์ยิงกันในห้างหรือบริเวณใกล้ๆห้างอยู่เป็นประจำจนทำให้ผู้คนต่างหวาดกลัวที่จะพากันเดินไปจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าภายในห้างซึ่งที่เองที่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ห้างสรรพสินค้ามียอดคนเข้าไปซื้อของน้อยลงและประชาชนเริ่มมีการกักตุนสินค้าไว้ที่บ้านนอกจากจะต้องกลัวอันตรายจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19แล้วยังต้องมากลัวว่าจะโดนลูกหลงจากเหตุการณ์ยิงกันภายในห้างอีกด้วย ดังนั้นทางที่ดีในช่วงเวลานี้ประชาชนอย่างเราๆจึงไม่ควรที่จะออกไปไหนเลยควรจะพักผ่อนอยู่แต่ในบ้านเท่านั้นซึ่งบริษัทต่างๆอาจจะต้องเริ่มหาลู่ทางให้พนักงานทำงานที่บ้านเพื่อที่พนักงานจะได้ไม่ต้องเสี่ยงออกไปเจอเชื้อไวรัสนอกบ้านรวมถึงไม่ต้องเสี่ยงที่จะต้องออกไปเจอเหตุการณ์ยิงกันตามห้างต่างๆอีกด้วย 

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  gclub

ลูกสาวบรรยินตั้งภากรณ์ถูกจับพบเสพยาอีและมีฉี่สีม่วง

narcotic

มีรายงานข่าวเข้ามาว่าเมื่อวันที่ 9 เดือนมีนาคม ปีพ.ศ. 2563

ยาเสพติด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ของ สน. ทองหล่อได้มีการตั้งด่านตรวจจับรถยนต์บนท้องถนนปกติ ปรากฏว่ามีรถเบนซ์สีขาว ขับผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เรียกตรวจและขอทำการค้นรถ ซึ่งในรถคันดังกล่าวมีคนนั่งมารวม 3 คนและหนึ่งในนั้นคือ  นางสาว บุษญา ลูกสาวของนาย บรรยิน ตั้งภากรณ์ ซึ่งเธอเคยลงสมัครเป็นสมาชิกผู้แทนราษฎรณ์ โดยเลือกลงสมัครในจังหวัดนครสวรรค์ ที่เขตหนึ่ง แต่ว่าเธอไม่ได้รับการเลือกจากประชาชน ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นก็พบว่ามี 2 ใน 3 คนที่มีฉี่สีม่วงและหนึ่งในนั้นคือ นางสาว บุษญา ลูกสาวของนายบรรยิน  ตั้งภากรณ์ เอง โดยเธอได้ยอมรับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเธอเพิ่งเสพยาอีมา เมื่อประมาณสองวันที่แล้ว และภายในรถยนต์ยังพบ ยาเสียสาว อีกจำนวนสองเม็ด ซึ่งมีนาย พรพัฒน์ เป็นคนรับสารภาพว่ายาดังกล่าวเป็นของตัวเอง ซึ่งตอนนี้นางสาวบุษญาและเพื่อนเพื่อนได้ถูกควบคุมตัวไปที่ศาลอาญากรุงเทพใต้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

             แค่เรื่องสามีถูกจับติดคุกเพราะข้อหาจ้างวานฆ่า  ภรรยาของนายบรรยิน ตั้งภากรณ์ ก็คงทุกข์ใจมากพออยู่แล้ว แล้วนี่วันนี้ลูกสาวยังมาถูกจับข้อหาเสพยาอีอีก  แม่จะทุกข์ใจมากแค่ไหน และที่สำคัญเธอคือคนที่เคยลงสมัครเป็น สส. เสียด้วย เธอเคยทีจะพยายามเข้ามาทำหน้าที่แทนประชาชนในรัฐบาล แต่สิ่งที่เธอทำและกำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้มันไม่ใช่สิ่งที่คนที่คิดว่าตนเองจะอุทิศตนเพื่อประชาชนสวมควรที่จะทำเลย  เธอมีความสวย หุ่นดี มีความสามารถ และเธอก็มีเงินทอง แต่ทำไมถึงคิดตัดอนาคตของตัวเองด้วยการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ลองคิดดูว่าหากเธอได้รับการคัดเลือกเข้ามาเป็น สส. ในสภาแล้ว

เธอจะมีอำนาจมากกว่านี้ เรื่องยาเสพติดของเธออาจจะเปลี่ยนจากการเสพมาเป็นการขายแทนก็ได้ เพราะเธอมีอำนาจอยู่ในมือของเธอแล้วเธอจะทำอะไรก็ได้ และตำรวจก็จะต้องเกรงกลัว และไม่กล้าจับกุมหรือตรวจค้นรถของเธอ  หากเป็นแบบนั้นจริงจริงอะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยของเรา พ่อก็ยังไม่พ้นเรื่องคดีพัวกันเกี่ยวกับการฆ่าคน ลูกยังมายุ่งกับยาเสพติดอีก เมื่อเธอมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดแบบนี้แล้วก็อย่าหวังจะเข้ามาสมัครเป็น สส. เข้ามาทำงานในสภาได้อีกเลย เพราะประชาชนคงไม่สามารถเชื่อใจให้คนแบบนี้มาเป็นผู้แทนได้อีกต่อไป 

 

สนับสนุนโดย  Gclub ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ

วิ่งไล่ลุง vs เดินเชียร์ลุง

National-news

ข่าววันนี้ เช้าวันอาทิตย์ ที่ 12 มกราคม ตื่นแต่เช้าลุกขึ้นมาเปิดทีวีเพื่อติดตามข่าวสารบ้านเมือง นอกจากจะมีข่าวกิจกรรมวันเด็กที่เพิ่งผ่านมาเมื่อวันเสาร์นี้แล้ว  ยังมีอีกข่าวที่น่าสนใจที่ ฟังแล้วนั่งคิดอยู่ว่าจะจัดข่าวนี้ให้อยู่ในประเภทข่าวการเมืองหรือสุขภาพดี  ข่าวที่ว่านี้ก็คือ ข่าวงานวิ่งไล่ลุง กับ งานเดินเชียร์ลุง

งานวิ่งไล่ลุง จัดขึ้นที่สวนรถไฟ กรุงเทพ บรรยากาศในงานคึกคัก ผู้ร่วมงานมีทุกรุ่นอายุแต่ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นกับวัยทำงาน  ค่าใช้จ่ายในการสมัครลงทะเบียนคนละ 600 บาท  งานเริ่มขึ้นแต่เช้าโดยมีการปล่อยตัวเป็นรอบๆรอบแรกปล่อยตัวที่เวลา 7.30 น. รวมระยะทางวิ่ง 6 กิโลเมตร จุดประสงค์ที่จัดงานนี้ก็เพื่อเป็นการรวมตัวของกลุ่มคนที่มีทัศนคติตรงกันคือไม่ชอบการบริหารงานของรัฐบาลยุคลุงตู่ ต้องการให้ลุงตู่ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเรียกร้องให้ประชาธิปไตยกลับคืนสู่สังคมไทย งานนี้คนดังทางการเมืองอย่าง คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ไม่พลาดที่จะไปร่วมงาน ดาราที่ไปก็มี คุณจอห์น วิญญู เป็นต้น กิจกรรมงานวิ่งไล่ลุง ไม่ได้มีเฉพาะที่สวนรถไฟกรุงเทพ  มีหลายจังหวัดเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้  แต่ก็ถูกยุติกิจกรรมไป มีเพียงจังหวัดเชียงใหม่กับจังหวัดพิษณุโลกที่ดำเนินการได้

งานเดินเชียร์ลุง จัดขึ้นที่สวนลุมพินี มีผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นคนสูงวัยลุงๆป้าๆที่เกษียณงานแล้วและเหล่านักการเมืองทั้งหลายที่สนับสนุนฝ่ายรัฐบาล เข้าร่วมงานฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น เมื่อมาลงทะเบียนจะได้รับเสื้อฟรีคนละ 1 ตัว  เวลาในการเดินเริ่มปล่อยตัว 9.00 น. รวมระยะทางในการเดิน 2.5 กิโลเมตร จุดประสงค์ที่จัดงานก็เพื่อเป็นการรวมพลังแสดงศักยภาพของคนที่รักลุงตู่ ชอบหลักการในการพัฒนาประเทศ และอยากให้ลุงตู่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป กิจกรรมในงานนอกจากการเดินแล้ว ยังมีการแสดงรำ ร้องเพลงรักลุงตู่ และชูป้ายข้อความเชียร์ โดยรวมบรรยากาศในงานเป็นไปด้วยความสงบและสนุกสนาน 

ถ้ามองในแง่ของการเมืองกิจกรรมทั้งสองเป็นตัวบ่งชี้ได้ดีว่าคนไทยในประเทศส่วนใหญ่ต้องการผู้นำประเทศแบบไหน คนรุ่นใหม่ก็ต้องการให้การเมืองไทยเปลี่ยนแปลง ส่วนคนรุ่นเก่าก็ยังอยากให้ดำรงไว้ซึ่งแบบเดิมที่เคยปฏิบัติกันมา  เราไม่อาจรู้ได้ว่าใครจะเป็นผู้นำได้ดีกว่ากัน จนกว่าจะได้เห็นผลงานของอีกฝ่าย ถ้ามองในแง่ของเรื่องสุขภาพทั้งสองกิจกรรมจัดว่าได้ทำให้คนไทยหันมาสนใจและใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ไม่ว่าจะงานวิ่งไล่ลุงหรืองานเดินเชียร์ลุง ผลพลอยได้ของผู้ที่มาร่วมงานก็คือได้มาออกกำลังกายนั่นเอง

 

ขอขอบคุณ เล่นบาคาร่าให้ได้เงิน  ที่ให้เรื่องเราดีๆมาเสนอ