วิเคราะห์ทีมชาติ โปรตุเกสในศึกชิงแชมป์แห่งชาติฟุตบอลยุโรปปี 2020
โปรตุเกสในยูโร ทีมโปรตุเกสแชมป์เก่าเมื่อครั้งที่แล้ว ผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาด้วยความยากลำบากเกือบจะ เอาตัวไม่รอดซึ่งทำได้เพียงแค่iiรองแชมป์ของกลุ่มมีคะแนนตามหลังแชมป์กลุ่มอย่างทีมชาติยูเครนถึง 3 คะแนน ดูทีมชาติโปรตุเกสชุดนี้มีผู้จัดการทีม ที่มีชื่อว่า Fernando santos เขาเป็นคนที่พาทีมชาติโปรตุเกสได้แชมป์ฟุตบอลยุโรปครั้งที่แล้วและยังนำทีมไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเมื่อปี 2018
ซึ่งในการแข่งขันรอบสุดท้ายครั้งนี้ทีมชาติโปรตุเกสจับฉลากได้อยู่ร่วมกลุ่มกับอัพเดตซึ่งประกอบไปด้วยทีมชาติเยอรมันอดีตแชมป์ 3 สมัยและทีมชาติฝรั่งเศสคู่ปรับเก่าเมื่อนัดชิงครั้งที่แล้วและอีกทั้งยังเป็นทีมที่ได้แชมป์โลกทีมล่าสุดปัจจุบันซึ่งถือว่างานนี้เป็นงานที่ยากสำหรับทีมโปรตุเกสที่จะป้องกันแชมป์เลยทีเดียว
ในส่วนของตัวผู้เล่นนั้นทีมชาติโปรตุเกสชุดนี้ยังคงมี Cristiano Ronaldo ตัวเก่งประจำทีมคอยบัญชาการเกมอยู่และเป็นตัวความหวังสูงสุดของทีมชาติโปรตุเกสชุดนี้อยู่เหมือนเดิมอีกทั้งยังมีนักเตะสำคัญสำคัญอีกหลายคนที่โลดแล่นอยู่ในพรีเมียร์ชิพหากเอ่ยชื่อขึ้นมาทุกคนจะต้องร้องอ๋อไม่ว่าจะเป็น แบร์นาโด้ซิลวาจากทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ โจวต้า จากทีมวูล์ฟแฮมป์ตันเจ้าฟิลิปจากทีมแอตเลติโก้มาดริด แล้วยังมีกองหลังตัวเก๋าอย่างเปเป้และเนลสันเซเมโด้จากบาร์เซโลน่า คอยยืนบัญชาเกม รับ
ซึ่งต้องบอกว่าด้วยตัวขุนพลชุดนี้ก็ไม่ได้เป็นรองทีมชาติฝรั่งเศสหรือทีมชาติเยอรมันสักเท่าไหร่นัก โดยเกมการแข่งขันนัดแรกนั้นทีมชาติโปรตุเกสจะพบกับ ทีมชนะเพลย์ออฟของสาย A ในวันที่ 16 มิถุนายนจากนั้นที่ 2 จะพบกับทีมชาติเยอรมันในวันที่ 20 เดือนมิถุนายนและนัดสุดท้ายเป็น Matrix ชะตาและล้างตาของฝรั่งเศสที่จะคอยแก้แค้นโปรตุเกสและอาจจะมีโอกาสเขี่ย โปรตุเกสตกรอบได้ในนัดนั้น
ได้บ่อนรับพนันอย่างถูกกฎหมายในสื่อต่างประเทศยกให้โปรตุเกสเป็นเต็ง 9 ด้วยอัตราต่อรองที่จ่าย 1 ได้ 17 นั่นหมายความว่าการที่โปรตุเกสเป็นเต็ง 9 นั้นได้ตกเป็นรองกับทีมต่างๆอย่างบิ๊กเนมไม่ว่าจะเป็นทีมชาติอังกฤษทีมชาติฝรั่งเศสทีมชาติอิตาลีคือทีมชาติเยอรมันทั้งหมดซึ่งสื่อคาดการณ์และว่าโปรตุเกสชุดนี้ไม่น่าจะไปได้ไกลเหมือนครั้งที่แล้วหรือมีโอกาสที่จะตกรอบจอดป้ายเพียงแค่รอบแรกก็เป็นได้
เพราะด้วยลำพัง Cristiano Ronaldo คนเดียวนั้นอาจจะไม่สามารถช่วยทีมได้เหมือนก่อนเนื่องจากปีนี้ โรนัลโด้ ก็อายุปาเข้าไป 34 แล้วซึ่งอาจจะเป็นแมตช์ฟุตบอลยุโรปชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปครั้งสุดท้ายของเขาก็เป็นได้